note to self : อย่าซื้อตั๋วโปร ไม่ว่าจะถูกแค่ไหนก็ตาม เพราะถ้าสุดท้ายไม่ได้ไปจะกลายเป็นเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายนะจ๊ะ
แพลนทริปนี้ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าจะได้ไปทำงานที่ไทย ซื้อตั๋วอะไรเสร็จสรรพ (ตอนสกูตมีโปรพอดี) สุดท้ายก็ต้องทิ้งตั๋วไปอย่างน่าเสียดาย
4-5 ปีที่ผ่านมา ก็ได้เจอชูบ้าง เจอเชียร์บ้าง แต่ไม่ได้เจอทั้งสองคนพร้อมๆ กันสักที ก็อยู่กันคนละประเทศเนาะ โอกาสที่จะมาอยู่ในประเทศเดียวกันในเวลาเดียวกัน มันยากอ่ะแก๊ ถ้าไม่นัดกันจริงจัง อย่างเช่นครั้งนี้
29 กันยายน – 2 ตุลาคม 2016

ไปสิงคโปร์ครั้งนี้ โดนจับเข้าห้องเย็นเป็นครั้งแรก ต้องขอเขียนบันทึกไว้สักหน่อย
เวลาเขียนใบเข้าเมืองนี่ มันจะมีช่องที่ให้กรอกว่า เคยเข้าเมืองด้วยชื่ออื่นมาก่อนรึเปล่า ใหม่ก็พาซื่อเนาะ กรอกไปว่า yes ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะตอนที่ยังไม่แต่งงานใหม่ก็เข้าสิงคโปร์ด้วยชื่อสกุลก่อนแต่งงาน ปรากฏว่าวันนี้เจอเจ้าหน้าที่เฮี๊ยบ เลยโดนจับเข้าห้องเย็นเลยจ้า บินไฟลท์ดึกด้วยนะ คนรอรับก็รอเงกไป
จนท เค้าก็ถามเรื่องทั่วๆ ไป ทำงานอะไร มาสิงคโปร์ทำไม ทำไมเปลี่ยนชื่อ ฯลฯ ก็พอดีว่าใหม่มีนามบัตรติดกระเป๋ามาพอดี (คือไปสนามบินจากที่ทำงานเลย ก็เลยมีติดมาด้วย) ก็เอาให้เค้าดู พิมพ์ลายนิ้วมือแล้วก็เรียบร้อยเข้าประเทศได้
กว่าจะถึงบ้านชูก็ตีสามพอดี วันต่อมาก็เลยตื่นกันซะเที่ยง หมดไปหนึ่งวันชิวๆ 55+
เอาจริงๆ นะ มาเที่ยวสิงคโปร์ครั้งนี้เหมือนไม่ได้เที่ยวเลย หมือนมากินซะมากกว่า สามวันไม่เคยหิวเลย กินก่อนหิวทุกที นอกจากจะได้เจอชู เที่ยวกับเชียร์ แล้วก็ได้เจอเคลลี่กับแดริลด้วย ก็ไม่ได้ตั้งใจมาเที่ยวอยู่แล้ว ไม่ได้เที่ยวก็ไม่แปลกล่ะ




วันที่สองของการเดินทาง เราเช่ารถไปเที่ยวมาเลย์กัน ชูกับคาโอริผลัดกันขับ ชูขาไป คาโอริขากลับ
เมือง Moar นี้ชูบอกว่าไม่เคยไปเหมือนกัน แต่หาข้อมูลจากเน็ตแล้วเค้าว่าอาหารอร่อย เมืองก็น่ารักดี ตึกสีชมพูๆ ทั้งเมืองเลย ใหม่อ่ะไปไหนก็ได้ แค่ได้ไปกับเพื่อนก็ดีหมดแหละ



สองข้างทาง ได้เห็นผลไม้ที่ไม่ค่อยได้เห็น เช่น เงาะ มันตื่นตาตื่นใจมาก ลูกมันแดงๆ ตัดกับใบเขียวๆ เหมือนดอกไม้เลย ปกติบ้านเราจะนิยมปลูกมะม่วง ลำใยงี้ ตอนมันดิบลูกมันจะเขียวๆ บอกชูว่า จอดรถให้ถ่ายรูปได้มั้ย เพื่อนหาว่าบ้า ฮา…
ระหว่างทางก็เปิดเพลงในวิทยุแล้วร้องคลอกันไป แปลกมาก เพลงเก่าๆ (ชนิดว่า 20 กว่าปีที่แล้ว) เชียร์ร้องได้หมด ใหม่กับชูรู้จักแต่งเพลงใหม่ๆ สรุปใครแก่สุดนะ?

ขอกินก่อน (กินอีกแล้ว มะเช้ายังไม่ค่อยย่อยดีเลย)
ที่นี่จะห่อหมกย่าง ที่เรียกว่าโรจัก อร่อยมากกกกก มันไม่เหมือนห่อหมกบ้านเราที่จะทำเป็นกระทงใช่ป่ะ ที่นี่เค้าจะเอาห่อใบจากแล้วก็ย่างแห้งๆ อาหารมาเลย์ก็ใกล้เคียงกับอาหารบ้านเราอยู่นะ
นอกจากนั้นก็มีบะหมี่ ออส่วนหอยนางรม สะเต๊ะ กินกันจนพุงกางอ่ะ ถูกกว่าสิงคโปร์ครึ่งนึง


จากที่นี่ขับรถต่อไปอีกหน่อยก็จะเป็นหมู่บ้านประมง แต่ระหว่างทางขอแวะคาเฟ่โด้ปกาแฟกันสักหน่อย กินเยอะคนขับง่วง อากาศก็ร้อนมากกกกกก ลงมาแป๊บเดียวแจ้นขึ้นรถแทบไม่ทัน
ถามว่าไปทำอะไรที่หมู่บ้านประมง คำตอบก็เดาไม่ยาก ไปกินอีกล่ะสิ 55++



ถ้าพูดจีนไม่ได้นี่คงลำบากเพราะคนที่นี่เค้าไม่ค่อยได้อังกฤษกันเท่าไหร่ เมนูก็ไม่มีรูป ไม่มีราคา ตอนแรกก็แอบคิดอยู่ว่ากลัวเค้าจะคิดแพง พอเช็คบิลมาก็งงๆ นิดนึงเพราะมันถูกมากกกกกก
อาหารแนะนำคือ Assam soup ถ้าเป็นอาหารไทยก็คล้ายๆ แกงส้มนั่นแหละ แต่บ้านเราแกงส้มใต้มันจะออกเหลืองใช่ป่ะ ที่นี่แกงส้มจะออกสีส้มๆ เหมือนแกงส้มภาคกลาง แต่ไม่ใส่ผักเหมือนแกงส้มภาคกลาง
อ่านแล้วอาจจะนึกภาพไม่ออก ไปดูรูปเลยดีกว่า

กลับถึงชายแดนมาเลย์สิงคโปร์ก็เกือบสี่ทุ่มแล้ว แวะไปส่งคาโอริที่บ้านก่อนแล้วก็นั่งแท็กซี่กลับบ้านชู มาสิงคโปร์รอบนี้ นั่งอูเบอร์ทุกวันเลย นั่งหลายๆ คนหารกันราคามันก็พอรับได้
เคลลี่บอกว่า มันจะมีบริการอูเบอร์พูลที่สามารถแชร์แท็กซี่กับคนที่ไปทางเดียวกันได้ (ถ้ารีบไม่แนะนำนะเพราะเค้าอาจจะต้องขับออกนอกเส้นทางเพื่อรับคนบ้าง) อันนี้ยิ่งถูกเข้าไปใหญ่ เสียดายนะบ้านเราอูเบอร์ผิดกฎหมายไปซะแล้ว ไม่งั้นคงได้ใช้บริการบ่อยๆ แท็กซี่ชอบปฎิเสธผู้โดยสารดีนัก
วันสุดท้าย ช่วงเช้า แม่ชูทำไชเท้าก้วยให้กิน สายๆ เราไปซื้อของที่ Hawker center ที่ชูบอกว่าเด็ดทุกร้าน


ช่วงอยู่สิงคโปร์นี้ใหม่กินเต้าฮวยทุกวันเลย (ที่ญี่ปุ่นหากินยากนะ) ที่นี่เค้าจะใส่ light syrup ไม่ใช่น้ำขิงเหมือนบ้านเรา ก็บอกเค้าให้ใส่น้อยๆ เอาแค่พอหวานติดลิ้นไม่ต้องหวานมาก
ถูกอ่ะ ราคาแค่หนึ่งเหรียญเอง วันก่อนใหม่ไปกินเต้าฮวยใส่เครื่องร้านประจำที่อากิฮาบาระ ตั้ง 700 เยนแน่ะ คิดถึงสิงคโปร์จังเลย ฮือๆๆๆ
ช่วงบ่าย ไปเที่ยวชมดอกไม้สวยๆ ที่ Garden by the bay

ที่เห็นว่าขาเขียวๆ น่ะ เดินชนขอบเตียงที่บ้านชู ก็อย่างที่เห็นแหละว่า ชนแรงมาก ฮ่าฮ่า แล้วดั๊นใส่กางเกงขาสั้นอีก ถ่ายมารูปไหนก็ติด ฮา…
ชูบอกว่าต้องนวดมันจะได้หายบวม คือมันไม่ทันแล้วป่ะ ยิ่งนวดยิ่งเจ็บ อีคนแกล้งก็ชอบจั๊ง เผลอเป็นไม่ได้ชอบมาจิ้ม – -”
มื้อเย็น นัดทานข้าวกับเคลลี่และแดริลส่งท้าย เพื่อนพาไปเลี้ยงปู chilli crabs * *


เรื่องใครจ่ายนี่เป็นปัญหามากแทบทุกมื้อ มันแพงไง เราก็เกรงใจ ไม่ได้สิจะให้เพื่อนเลี้ยงได้ไง (อย่างมื้อนี้ก็สามร้อยกว่าเหรียญ) แต่แย่งจ่ายไม่ทันสักที แทบจะต้องทะเลาะตบตีกัน 55
กะว่าเดี๋ยวเพื่อนมาเที่ยวญี่ปุ่นคราวหน้า ค่อยพาไปเลี้ยงคืนก็แล้วกัน

เชียร์เข้าเกทไปก่อน ยังมีเวลานิดหน่อยเลยแวะกินพุดดิ้งอร่อยๆ ที่สนามบินแล้วคุยกันสักพัก
กลับถึงกรุงเทพฯ อย่างง่วงๆ งงๆ
ปิดทริปนี้เท่านี้จ้า
One thought on “สิงคโปร์ครั้งที่… นับครั้งไม่ถ้วน”